ไมค์, ไมโครโฟน, Microphones

คุยกันแบบบ้านๆ..ไมค์หรือไมโครโฟน คือตัวรับเสียงแล้วทำให้เกิดสัญญาณไฟฟ้าแล้วเราก็ต่อสายไปเข้าแอมป์ขยายสัญญาณ ทำให้เราสามารถบันทึกไว้หรือทำให้ได้ยินดังออกลำโพง ขยายให้ดังขึ้น! หน้าที่มันมีแค่นั้นจริงๆ ครับ !! แบ่งตามตัวรับสัญญาณ ได้เป็น 2 แบบที่ใช้งานกันใหญ่ๆ เลยคือ Dynamic Mic และ Condencer Mic (จริงๆ มีมากกว่านี้ แต่ที่พูดถึงและใช้กันมาก คือ 2 แบบนี้ )

Dynamic หรือ Moving coil Microphones
ตัวรับเสียงเป็น diaphrame ติดคอยล์ขดลวดคล้ายๆลำโพงเคลื่อนเข้าออกผ่านแกนแม่เหล็ก เวลาเราพูดก็จะมีคลื่นเสียงไปประทะเจ้าแผ่นนี้ พอคอยล์มันเคลื่อนเข้าออกผ่านแกนแม่เหล็กก็จะเกิดกระแสไฟฟ้า ออกไปทาง output ไมค์ประเภทนี้ต้องพูด จ่อ ใกล้ๆ ถึงจะดี ทนแรงกระแทกของเสียงได้ดี ตัวอย่างคือ Shure SM-58 (ภาพบน) หรือยี่ห้ออื่นๆ ที่คล้ายๆกัน ไมค์ที่ใช้งานทั่วๆไปส่วนใหญ่เป็นแบบนี้ ไม่ต้องใช้ไฟเลี้ยง ทนทาน แต่หากตกแรงๆจนคอยล์เคลื่อนก็จะเสียไปเลย

Condencer Microphones 
ตัวรับเสียงเป็นแผ่นโลหะบางๆ ทนแรงกระแทกของเสียงได้ไม่ดีเท่าไหร่ เหมาะสำหรับรับเสียงรวมๆที่ต้องการรายละเอียดเสียง อย่างกีตาร์โปร่ง เสียงร้องคน รวมๆ เสียงแมลง...มี 2 แบบ คือ 
Diaphrame ที่รับเสียงตัวใหญ่ 1" (ภาพล่างซ้าย) ส่วนใหญ่ใช้ใน Studio และอีกแบบ Diaphrame เล็ก 1.5"(ภาพล่างกลาง) ตัวใหญ่ก็จะให้เนื้อเสียงครบย่าน เต็มกว่า ตัวเล็กก็รับได้ดีไม่แพ้กันแต่เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความสะดวก ซ่อนไม่ขวางสายตา ตัวใหญ่จะติดตั้งยากหน่อย กินที่ ขวางสายตา....
แต่เดี๋ยวนี้ไมค์ Condencer ที่ออกแบบรับเสียงดังๆอย่างกลองเบส หรือ ต้นเสียง อย่างอื่นได้แล้ว อย่าง Shure Beta-91 (รูปล่างขวา)

แต่หากเราแบ่งไมค์ออกตามการใช้งานก็จะกลายเป็น
ไมค์พูด ไมค์ร้อง Vocal Microphone
ไมค์พูดร้องมีราคาตั้งแต่ 300 บาท ขึ้นไป !!! อย่างไมค์คาราโอเกะ มาพร้อมสายเลย คนที่ไม่ซีเรียสอะไรมาก เอาไปประกาศขายน้ำปลา ในตลาดระดับนี้ก็พอ อาจจะ ok สำหรับเขาแล้ว และไมค์ที่มียี่ห้อ อย่าง Shure ก็ทำเหมือนกัน แต่ราคาก็ 900 บาท ขึ้นไป ส่วนระดับกลางๆ ก็ต้องยึด Shure SM58 เป็น หลัก ซึ่งเป็นไมค์ระดับตำนานสำหรับงานร้องพูดทั่วไป ราคา 3,990 บาท มีคนใช้ตั้งแต่ระดับโรงเรียนประถมจนถึงคอนเสิร์ทระดับโลกและยังมีไมค์ราคาสูงกว่านี้ ซึ่งเป็นรุ่นสูง ขึ้นไป ราคาก็เฉียด หมื่น จนถึง 30,000 บาท !!!! 

เมื่อไมค์ Shure SM58 เป็นไมค์สำหรับพูด-ร้องมาตรฐาน เราจึงหาดูไมค์ยี่ห้ออื่นที่ราคาถูกกว่านี้มาเทียบเสียงกันดู ก็พบว่าไมค์ที่น่าใช้และราคาถูกกว่าคือ Behringer XM8500 เสียงใกล้เคียงกันมาก แต่ราคาเพียง 1,300 บาท อีกตัวคือ AKG ChiQQ 889 เสียง ใกล้เคียงกันมาก แต่ราคาเพียง 2,000 บาท (*อาจจะมีไมค์ยี่ห้ออื่นๆอีกหลายยี่ห้อที่เสียงใกล้กับ SM-58)
* SM58 มีปลอมเยอะมาก ทั้งปลอมจริงปลอมไม่จริง เพราะเป็นไมค์จริงที่นำเข้ามาจากประเทศอื่นราคาถูกกว่าบ้านเรา และที่ตั้งใจปลอมจริงๆ จากจีน ทางบริษัทผู้นำเข้าจึงติดสติ๊กเกอร์ของบริษัทยืน แต่ก็ดันมีสติ๊กเกอร์ปลอมมาอีก ฮา !! 

ไมค์จ่อเครื่องดนตรี Instrument Microphone
ไมค์ที่ไม่ได้จ่อปากเรา อีกพวกคือ ไมค์ที่ใช้จ่อเครื่องดนตรี บางทีมันก็พวกเดียวกับไมค์ทั่วไปนั่นแหละครับ เพียงแต่ไมค์ บางตัวไม่ตอบสนองความถี่ที่เครื่องดนตรีมี อย่างจ่อเบสหรือกลองเบสหรือเครื่องดนตรีความถี่แหลมๆอย่างฉาบ ไมค์ทั้วไปอาจจะรับได้ไม่ดีในย่านนั้น แต่หากย่านความถี่ เครื่องดนตรีที่เป็นย่านเสียงกลางๆ ก็ใช้ไมค์ร้องจ่อก็ได้ไม่มีกฎเกณฑ์ บางทีก็ใช้กลุ่มไมค์ Condencer ที่เรียก Pencil ไมค์เพราะมันเป็นทรงกระบอก ที่ร้านก็จะมีของอย่าง Superlux-Samson-Behringer-Rode ไมค์พวกนี้ใช้จ่อ กีตาร์โปร่ง จ่อฉาบ Hihat 

Pattern การรับเสียงของไมค์
ไมค์ทุกชนิดจะมี pattern การรับเสียงไม่แบบใดก็แบบหนึ่งตามรูปด้านล่าง แต่ pattern ที่นิยมใช้ทั่วๆไปมากที่สุดคือ Cardioid ซึ่งรับเสียงจากด้านหน้า-ข้าง เป็นหลัก ซึ่งสามารถช่วยลดเสียงสะท้อนจากด้านอื่นมาเข้าตัวไมค์ได้ ทั้งยังช่วยลดการ feedback ได้ในงานเล่นสดๆ ส่วน Pattern อื่นๆ ก็มีไว้สำหรับการใช้งานที่เฉพาะ เช่น Bidirectional แบบรับเสียง 2 ด้าน บางทีก็เรียก Figure 8 เหมาะสำหรับคนพูด 2 คน แต่ใช้ไมค์เดียว หรือหากนั่งล้อมวงกันก็อาจจะใช้แบบ Omnidirectional ซึ่งก็จะนำไปใช้งาน Test เสียงต่างๆด้วย เช่น ไมค์สำหรับ Test Audio

ไมค์ไร้สาย Wireless Microphone
ไมค์ไร้สาย คือไมค์ไม่มีสาย ใช้คลื่นวิทยุส่ง รับ สัญาณ เพื่อความสะดวกในการเคลื่อนที่ (ยังต้องใช้สายต่อจาก Receiver เข้า Mixer )
              แบบมือถือเดี่ยว                                                             แบบคาดหัว

หลักๆมี 2 แบบ ครับ คือ 
1 แบบมือถือ ตัวส่งสัญญาณจะอยู่ที่ตัวไมค์ และมีตัวรับอีก 1 ตัว 
2 แบบคลิบติดคอเสื้อ / แบบคาดหัว สองแบบนี้ต่างกันตรงไมค์ แต่ก็เสียบเข้าไปที่ตัวส่งแบบเดียวกัน ตัวส่งมักจะเหน็บไว้ตรงเอว จึงเรียกอีกอย่างว่า Body Pack ซึ่งตัวนี้เป็นตัวส่งสัญญาณ ไปยังตัวรับอีกที แบบนี้ก็เป็นแบบเดียวกับที่นำไปใช้กับเครื่องดนตรี เพียงแต่เปลี่ยนไมค์เป็นสายแจ็คกีตาร์ บางยี่ห้อออกแบบให้ตัวส่งอยู่ที่ไมค์เลย อย่างของ Samson ซึ่งใช้ตัวรับแบบเดียวกัน แต่ตัวส่งมีหลายแบบตามการใช้งาน อย่างตัวที่มีหางหนู ก็เป็นแจ็คเสียบกีตาร์พร้อมตัวส่งในนั้น 

ที่ร้านมีไมค์ เกือบทุกยี่ห้อขายครับ กรุณาโทรเช็คสินค้าก่อน ราคามิตรภาพครับ 
ไมค์สาย - ก็มีพวกไมค์ร้อง-พูด ไมค์จ่อกลอง ไมค์ Studio ไมค์คลิบคอเสื้อ ยี่ห้อหลักๆ Shure, AKG, Behringer, Samson, Eurotech, Peavey, Studio master, XXL, K Power, AUDIX 
ไมค์ไร้สาย - ก็มีพวกไมค์ร้อง-พูดถือเดี่ยว ถือคู่ แบบไมค์คลิบคอเสื้อ ยี่ห้อหลักๆ Shure, AKG, Samson, Eurotech, K Power, Enbao, NTS, แบบถูกๆ อย่าง SOKEN ก็มี 

ไมค์ใช้ในงาน Live
ไมค์ที่ใช้ในงานบันทึกเสียง