AC Distributer หรือ Load Center สำหรับอุปกรณ์ที่ต้องเสียบไฟฟ้า มีอะไรยังไงบ้าง? Load Center สำหรับผู้ที่ทำงานด้านเสียง ก็จะต้องยุ่งกับเรื่องปลั๊กต่างๆเพื่อเสียบอุปกรณ์ที่ใช้ไฟทั้งหมด แต่เมื่อย้อนกลับไปที่ต้นทางก็จะพบว่าจำเป็นจะต้องมีศูนย์ควบคุมไฟเมื่อต่อสายไฟมาจากจุดต่อไฟของสถานที่ต่างๆหรือจากเครื่องกำเนิดไฟ ตัวนี้คือ ศูนย์กลาง จึงเรียกว่า Load Center โดยที่จะมี Main breaker เป็นตัวปิดเปิดไฟเข้าสู่ระบบ จากนั้นก็จะแยกย่อยจ่ายไปที่ต่างๆผ่าน Breaker ตัวเล็กอีกทีเพื่อควบคุมการจ่ายไปแต่ละจุด จุดเริ่ม Step 1 Basic Basic จริงๆเวลาใช้งาน ก็จะอยู่ที่งานใหญ่-งานเล็กด้วย ที่จะต้องพิจารณาตัว Load center หากเป็นงานเล็กๆ เครื่องคาราโอเกะชุดเดียว ก็ใช้ปลั๊กไฟดีๆทั่วไปก็น่าจะเพียงพอ ไม่ต้องเวอร์แบบรูปข้างบน หากดีขึ้นอีกหน่อยเป็นระดับโปรก็จะเป็นปลั๊กที่ออกแบบมาเฉพาะ มี Breaker ติดอยู่ แบบในรูป ซึ่งแบบนี้สามารถจ่ายไฟให้ Power Amp ขนาดงาน Party กลางๆสบายๆ ไม่จำเป็นจะต้องมี Cercuit breaker ย่อย มีตั้งแต่รุ่นธรรมดาๆ จนถึงรุ่นที่มีตัวเลขบอกโวลล์และกระแสที่ระบบใช้อยู่ ที่ร้านมีสินค้าของ NTS จำหน่ายเป็นหลัก เพราะไม่มีอะไรซับซ้อน คุ้มค่าราคา ปลั๊ก-สาย การผลิตดีเพียงพอกับการใช้งาน โดยเฉพาะเต้ารับตัวเมียนี่ เสียบแล้วปึก แน่น ทุกรูปแบบของปลั๊กตัวผู้ ไม่จำเป็นต้องไปใช้ตัวแพงๆหรอกครับ <ด้านซ้ายเป็นแบบติดตู้แร็ค 19" ส่วนตัวขวาเป็นปลั๊กพ่วง> Step 2 อีกระดับของการไม่ใช่แค่ปลั๊ก ! >Power Conditioner เราจะเริ่มเข้าไปยุ่งกับไฟละทีนี้ ปัญหาต่างๆที่มากับไฟฟ้ามีหลายอย่างที่มองไม่เห็น เช่น การกระชากของกระแสไฟ ความสกปรก สัญญาณรบกวนต่างๆที่มากับกระแสไฟ...จึงเป็นที่มาของ "ตัวกรองไฟ" ซึ่งยี่ห้อที่นำหน้ามาในระดับโลก คือ Furman ทุกๆที่ที่ซีเรียสเรื่องนี้ ก็จะต้องมีเจ้าตัวนี้ โดยเฉาพะในห้องบันทึกเสียง ที่อุปกรณ์ใน Rack ราคาหลายแสน ก็จะเสียบผ่านเจ้าตัวนี้กัน ในรูป คือ Furman PL-8CE ที่ทางร้านขายเป็นหลัก เพราะเป็นรุ่นราคาต่ำสุดที่มีตัว Filter กรองไฟ ราคาแตะได้ มีไฟส่อง หรี่ได้ Step 3 ควบคุมไฟตกไฟเกิน > Stabilizer ไฟฟ้าหลายๆที่ไม่ค่อยคงที่ บางทีตำแหน่งอยู่ห่างจากหม้อแปลงมากๆ หรืออยู่ปลายสาย เวลามีการใช้ไฟมากๆในตอนกลางคืน ไฟก็อาจจะตกได้ ปกติ 220-230 บางเวลาอาจตกเหลือ 180-200 หรือบางทีก็อาจจะมามากเกิน ไปโน่น 240 ซึ่งไฟตกไฟเกินนี้มีผลกับอุปกรณ์เครื่องเสียงเลย โดยเฉพาะไฟตก อุปกรณ์บางอย่างก้หยุดทำงานหรือคุณภาพลดลง เช่น Power Amp กำลังขับก็ตกลง เสียงแย่ลง....จึงได้มีการผลิตเจ้าตัว Stabilizer ขึ้นมาเพื่อควบคุมแรงดันไฟขาออกให้อยู่ในช่วง 220 โวลล์ โดยมีค่า % +/ - จาก 220 โวลล์ 1-5% แล้วแต่รุ่น ยิ่ง % น้อยยิ่งแพง < Stabilizer สำหรับงานทั่วไป Stabilizer ติด rack สำหรับงานเครื่องเสียงระดับโปร หลักๆเบื้อต้นก็จะมีประมาณนี้ (เดี๋ยวจะมาร่ายต่อครับ)